โกรัน เคาซิช
Midfielder บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดPlayer Profile
วันเกิด | 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1992 |
สถานที่เกิด | เบลเกรด ยูโกสลาเวีย |
ส่วนสูง | 180 Cm |
น้ำหนัก | - |
สัญชาติ | - |
Career Information
ย้ายเขาสโมสรปัจจุบัน | 2022 |
Present Club | บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด |
โกรัน เคาซิช (ซีริลลิกเซอร์เบีย: Горан Чаушић; เกิด 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1992) เป็นนักฟุตบอลชาวเซอร์เบียที่เล่นในตำแหน่งกองกลาง ให้กับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในไทยลีก
สโมสรอาชีพ
ช่วงแรก
วันที่ 16 มิถุนายน ค.ศ. 2009 เคาซิชได้เซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรกกับเรดสตาร์ เบลเกรดด้วยระยะเวลาสามปี[1] ต่อมาเขาถูกปล่อยยืมตัวให้แก่โซปอต ทำให้เขาได้บ่มเพาะประสบการณ์ในเซอร์เบียนลีกเบลเกรดถึงสองฤดูกาลด้วยกัน ต่อมาในช่วงต้นปี 2012 เขาได้ย้ายไปสโมสรราด
Eskişehirspor
วันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2012 เคาซิชได้เซ็นสัญญากับสโมสร Eskişehirspor ในตุรกีด้วยสัญญา 4 ปีครึ่ง โดยเขาย้ายตัวไปพร้อมกับ Andrej Mrkela[2] เขาทำประตูแรกให้แก่สโมสรเมื่อวันที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2013 ในนัดที่พบกับสโมสร Mersin İdmanyurdu ในการแข่งขันเตอร์กิชคัพ
โอซาซูนา
วันที่ 13 กรกฎาคม ค.ศ. 2016 เคาซิชเซ็นสัญญา 2 ปีกับโอซาซูนาในลาลิกาของสเปน[3] เขาได้ลงเล่นให้แก่สโมสรอย่างสม่ำเสมอ แต่หลังจากที่ทีมได้ตกชั้น เขาจึงแยกทางกับสโมสรเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ. 2017[4]
อาร์เซนัลตูลา
วันที่ 11 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 เคาซิชเซ็นสัญญา 2 ปีกับอาร์เซนัลตูลาในรัสเซียนพรีเมียร์ลีก[5] ซึ่ง ณ เวลานั้น อาร์เซนัลตูลามีมิโอดราก โบโซวิชเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ต่อมาในวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 2018 เขาเป็นผู้ทำประตูชัยในนาทีสุดท้ายจากลูกยิงไกลระยะ 22 เมตร ช่วยให้ทีมเอาชนะ Akhmat Grozny ไปได้ 1-0[6] ซึ่งหลังจากที่เขาทำประตู เขาได้ถอดเสื้อฉลองท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ จนนำไปสู่การทะเลาะของผู้เล่นทั้งสองทีม[7]
กลับสู่เรดสตาร์ เบลเกรด
วันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 2018 เขาได้ย้ายกลับเรดสตาร์ เบลเกรด[8] ต่อมาในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2018 เขาได้ทำประตูช่วยให้ทีมเปิดบ้านเอาชนะ Radnik Surdulica 6-0[9]
กลับสู่อาร์เซนัลตูลา
วันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 2019 เขาได้ย้ายกลับอาร์เซนัลตูลาด้วยสัญญา 2 ปี[10]
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ฤดูกาล 2022–23
วันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ. 2022 เคาซิชได้ย้ายไปบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดในไทยลีก[11] ต่อมาในวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 2022 เขาได้ลงเล่นนัดแรกให้แก่สโมสรในการแข่งขันไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ 2565 ที่ทีมของเขาพ่ายแพ้ต่อบีจี ปทุม ยูไนเต็ดที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550 2–3[12] ต่อมาในวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 2022 เขาทำประตูแรกในการแข่งขันไทยลีก ฤดูกาล 2565–66 ช่วยให้ทีมเปิดบ้านเอาชนะสุโขทัย 6–1[13]
วันที่ 4 กันยายน เขาทำประตูที่ 2 ในลีก โดยเป็นการยิงลูกโทษ ช่วยให้ทีมเปิดบ้านไล่ตามตีเสมอบีจี ปทุม ยูไนเต็ด 2–2 ต่อมาในวันที่ 17 กันยายน เขาทำสองประตูในลีก ช่วยให้ทีมบุกไปเอาชนะโปลิศ เทโรที่สนามเหย้าชั่วคราวอย่างดรากอนโซลาร์พาร์ก 4–1[14] ต่อมาในวันที่ 2 ตุลาคม เขาทำประตูที่ 5 ในลีก ช่วยให้ทีมเปิดบ้านเอาชนะพีที ประจวบ 3–1[15] ต่อมาในวันที่ 7 ตุลาคม เขาทำประตูที่ 6 ในลีก ช่วยให้ทีมบุกไปเอาชนะลำพูน วอร์ริเออร์ 2–0[16] ต่อมาในวันที่ 15 ตุลาคม เขาทำประตูที่ 7 ในลีก ช่วยให้ทีมเปิดบ้านเอาชนะหนองบัว พิชญ 3–1[17] ต่อมาในวันที่ 22 ตุลาคม เขาทำประตูที่ 8 ในลีกจากการยิงลูกโทษ ในนัดที่ทีมบุกไปเสมอกับขอนแก่น ยูไนเต็ด 1–1[18] ต่อมาในวันที่ 5 พฤศจิกายน เขาทำประตูที่ 9 ในลีก ช่วยให้ทีมบุกเอาชนะลำปาง 3–0[19]
วันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2023 เขาทำประตูที่ 10 ในลีก ช่วยให้ทีมเปิดบ้านเอาชนะชลบุรี 2–0[20] ต่อมาในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ เขาทำประตูที่ 11 ในลีก ช่วยให้ทีมเปิดบ้านเอาชนะโปลิศ เทโร 3–0[21] ต่อมาในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ การแข่งขันรีโว่ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ เขาทำประตูช่วยให้ทีมบุกไปเอาชนะทรูแบงค็อก ยูไนเต็ดที่ทรูสเตเดียม 3–0 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ[22]
วันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 2023 การแข่งขันช้าง เอฟเอคัพ 2565–66 รอบก่อนรองชนะเลิศ เขาทำหนึ่งประตูจากการยิงลูกโทษ ช่วยให้ทีมเปิดบ้านเอาชนะแพร่ ยูไนเต็ด 5–2 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ[23] ต่อมาในวันที่ 4 เมษายน เขาทำประตูที่ 12 ในลีกในนัดที่ทีมบุกไปแพ้ทรูแบงค็อก ยูไนเต็ดที่ทรูสเตเดียม 4–3 นับเป็นการยุติสถิติไร้พ่ายในลีก 24 นัดของทีมแต่เพียงเท่านี้[24] ต่อมาในวันที่ 22 เมษายน เขาทำประตูที่ 13 ในลีก ช่วยให้ทีมบุกเอาชนะลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ดที่ลีโอ เชียงราย สเตเดียม 2–1 คว้าแชมป์ไทยลีกสมัยที่ 8 ได้สำเร็จ[25] ต่อมาในวันที่ 12 พฤษภาคม การแข่งขันไทยลีกนัดปิดฤดูกาล เขาทำประตูที่ 14 ในลีก ช่วยให้ทีมเปิดบ้านเอาชนะนครราชสีมา มาสด้า 4–0[26] และในวันที่ 20 พฤษภาคม การแข่งขันรีโว่ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ที่สนามกลาง ธันเดอร์โดมสเตเดียม เขาทำประตูขึ้นนำช่วยให้ทีมเอาชนะบีจี ปทุม ยูไนเต็ด 2–0 คว้าแชมป์ไทยลีกคัพสมัยที่ 7 ได้สำเร็จ[27]
อ้างอิงข้อมูลจาก : https://th.wikipedia.org/wiki