บิเอนเบนิโด มาราญอน

เบียนเว่ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อครั้งที่เขาอยู่กับสโมสรท้องถิ่น CD Rayo Sanluqueño ในสเปนในฤดูกาล 2005–06 ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2007 เขาเซ็นสัญญากับCádiz CFโดยถูกส่งไปเล่นในทีมสำรองของTercera División

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2550 เบียนเวได้ลงเล่นเกมแรกในฐานะนักเตะอาชีพ โดยลงมาเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายเกมในบ้านที่ชนะราซิ่ง เด เฟอร์โรล 3–1 ในเซกุนด้า ดิวิชั่น^[ 3 ]เขาลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่รวม 58 นาที ซึ่งสุดท้ายทีมก็ตกชั้นไป

ในวันที่ 7 เมษายน 2010 Bienve ถูกปล่อยตัวโดย Cádiz เนื่องจากไม่มีระเบียบวินัย^{[ 4 ​​]}เขาย้ายไปร่วมทีมระดับสี่Villarrubia CF 14 วันต่อมา^[ 5 ]และทำประตูได้ 21 ประตูซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในอาชีพของเขาในระหว่าง ฤดูกาล

Bienve ย้ายไปร่วมทีมCD Móstoles ในลีกเดียวกัน ในช่วงปิดฤดูกาลปี 2011 จากนั้นกลับมาที่ Villarrubia ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะ รอบถัดไป ^[ 6 ]และกลับมาเล่นฟุตบอลในระดับดิวิชั่น 4 อีกครั้ง โดยเขาเคยเล่นให้กับLa Hoya Lorca CFและUD Socuéllamos [ ^{7 ] ด้วย}ฤดูกาลหลังนี้ เขาสามารถเลื่อนชั้นไปสู่​​Segunda División Bในปี 2014 ^{[ 8 ] [ 9 ]}

ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2015 เบียนเวได้ย้ายไปต่างประเทศเป็นครั้งแรกในอาชีพค้าแข้งของเขา หลังจากตกลงทำข้อตกลงกับทีมCeres FC ใน ลีกฟิลิปปินส์ยูไนเต็ด [ ^{10 ] เขา}ได้รับการสนับสนุนจากอดีตเพื่อนร่วมทีมกาดิซอย่างคาร์ลี เด มูร์กาให้เล่นให้กับทีมในช่วงต้นปี 2012 ^[ 11 ]หลังจากอยู่กับสโมสรได้หนึ่งเดือน เขาไม่พอใจกับผลงานของตัวเองและตัดสินใจศึกษา รูปแบบการเล่นของ ชีฟฟี่ คาลิกดงเพื่อพัฒนาตัวเอง^[ 12 ]

Bienve เคยคิดที่จะเกษียณในปี 2016 เนื่องจากการเสียชีวิตของพ่อของเขา แต่ได้รับการสนับสนุนจากโค้ชRisto Vidakovićให้เล่นฟุตบอลต่อไป^[ 2 ]เขากลายเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลในAFC Cupเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2020 เมื่อเขายิงประตูที่ 35 ของเขาในชัยชนะ 4-0 ของ Ceres–Negros ที่เปลี่ยนชื่อใหม่เหนือBali United FC ^[ 11 ]

สโมสรเซเรส-เนโกรสถูกบริหารงานโดยทีมชุดใหม่ในเดือนกรกฎาคม 2020 และเปลี่ยนชื่อเป็นยูไนเต็ดซิตี้ เอฟซี เบียนเวเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยังคงอยู่^[ 13 ]เขาจะออกจากสโมสรภายในวันที่ 5 มกราคม 2022 ^[ 14 ]

Marañonเข้าร่วมJohor Darul Ta’zimของMalaysia Super Leagueภายในวันที่ 20 มกราคม 2022 ^[ 15 ]

เดิมที มาราญอนไม่มีสิทธิ์เล่นให้กับทีมชาติฟิลิปปินส์ก่อนที่จะได้รับสัญชาติฟิลิปปินส์ในปี 2020 ผ่านการแปลงสัญชาติ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2020 วุฒิสมาชิกฟิลิปปินส์Migz Zubiriสนับสนุน ร่างกฎหมาย ของวุฒิสภาที่เสนอให้มอบสัญชาติฟิลิปปินส์แก่มาราญอน ซึ่งจะทำให้เขามีสิทธิ์เล่นให้กับทีมชาติฟิลิปปินส์ [ ^{16 ] ใน}เดือนกันยายน ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเสนอเรื่องดังกล่าว^[ 17 ]ร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2021 ^[ 18 ]ในขณะที่ร่างกฎหมายของวุฒิสภาที่เกี่ยวข้องได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 15 มีนาคม^[ 19 ]เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม มาราญอนกลายเป็นพลเมืองฟิลิปปินส์เมื่อร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการลงนามเป็นกฎหมายในฐานะพระราชบัญญัติสาธารณรัฐหมายเลข 11570 โดยประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต^{[ 20 ] [ 21 ]}

มาราญอนถูกเรียกตัวมาเล่นให้ทีมชาติฟิลิปปินส์เป็นครั้งแรกสำหรับการแข่งขันชิงแชมป์อาเซียน 2020ซึ่งถูกเลื่อนออกไปหนึ่งปีเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ^[ 22 ]เขาเปิดตัวกับฟิลิปปินส์ในเกมที่พ่ายแพ้ 1–2 ให้กับเจ้าภาพสิงคโปร์ในนัดแรกของการแข่งขันเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2021 ^[ 23 ]ในระหว่างนัดที่สองกับติมอร์-เลสเตเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม มาราญอนทำประตูแรกในนามทีมชาติได้ด้วยการยิงประตูที่ 6 ให้กับฟิลิปปินส์ที่ชนะ 7–0 ^[ 24 ]

มาราญอนเป็น คนเชื้อสาย บาสก์ปู่ของเขาซึ่งเป็นชาวบาสก์ก็มีสายสัมพันธ์กับฟิลิปปินส์เช่นกัน โดยเขาหนีออกจากสเปนไปตั้งรกรากในวิซายาสตะวันตกเนื่องจากเขาต่อต้านฟรานซิสโก ฟรังโกผู้นำ เผด็จการของสเปน